Monthly Archives: April 2017

ภัยและการป้องกันตัวด้วยรองเท้าหัวเหล็ก

อุบัติเหตุนั้นเป็นเหตุเกิดเหตุการณ์ที่บังเกิดได้อย่างไม่คิดมาก่อน เหตุการณ์ที่มีขึ้นอาจจะทำให้เกิดความเสียหายแด่ร่างกายและทรัพย์สินหรือไม่ก็ตาม เรียกว่า อุบัติเหตุ แต่ถ้าหากว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้เกิดผลร้ายเราเรียกว่า อุบัติภัย และสิ่งนึงที่จะสามารถป้องกันภัยต่างๆได้ จากการเกิดอุบัติเหตุนี้ก็คงเป็นอุปกรณ์นิรภัย อาทิเช่น รองเท้าหัวเหล็ก

ชนิดของรองเท้านิรภัยสามารถจำแนกของรองเท้านิรภัยที่ใช้ในการปกป้องอันตรายต่างๆ ตามประเภทการใช้งานได้ 4 ประเภทดังต่อไปนี้

  1. รองเท้าหัวเหล็กหรือรองเท้าหนังหัวโลหะ

รองเท้าหัวเหล็กประเภทนี้ได้รับความนิยมใช้ในประเทศเรามาก ใช้ในการป้องกันวัตถุกระแทก สิ่งของหล่นทับ รองเท้าหัวเหล็กเป็นรองเท้าหุ้มส้น หุ้มข้อ หรือหุ้มแข็ง มีเหล็กหัวบัว(หัวโลหะ) ปิดคลุมป้องกันแถวนิ้วเท้าทั้งหมด รองเท้านิรภัยที่มีแผ่นเหล็กรองลงมาจากแถวฝ่าเท้าจะใช้สำหรับงานซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับของมีคมบาด หรือทิ่มผ่านลอดใต้ฝ่าเท้าขึ้นมา ส้นรองเท้าและพื้นรองเท้าโดยมากเป็นดอกหรือไม่ก็ลายพื้นยางเพื่อกันลื่นไถล หกคะเมน รองเท้าหัวเหล็กนี้ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามความทนทานต่อแรงกดและแรงปะทะที่บริเวณเหล็กหัวบัว

  1. รองเท้าหัวเหล็กที่ใช้ในโรงหลอมและหล่อโลหะ

รองเท้าหัวเหล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรมจำพวกนี้ เหมาะสมเป็นรองเท้าหัวเหล็กที่ทำจากวัตถุกันความร้อนได้ ด้านบนของรองเท้าหัวเหล็กต้องมีการคลุมบริเวณขาให้สูงขึ้นมา เพื่อคุ้มกันการกระเด็นหรือหก จากโลหะเหลวที่หลอมละลาย

  1. รองเท้าหัวเหล็กสำหรับงานที่เกี่ยวกับกับงานกระแสไฟฟ้า

รองเท้าหัวเหล็กชนิดนี้ต้องมีคุณลักษณะเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี ปกป้องหยดเหงื่อหรือไม่ก็ที่ชุ่มชื้นของบริเวณเท้าและฝ่าเท้า ซึ่งหยดเหงื่อและความชื้นเป็นสื่อนำกระแสไฟเข้าสู่ร่างกายได้ดี รองเท้าหัวเหล็กที่หมดสภาพห้ามซ่อมแซมโดยใช้ตะปู หรือลวดตรึงเนื่องจากสิ่งเหล่านี้นำกระแสไฟเข้าสู่ร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

  1. รองเท้าหัวเหล็กที่ใช้ในบริเวณที่มีหรือระแวงว่ามีสารหรือของผสมที่ไวไฟ

เพราะว่ารองเท้าหัวเหล็กชนิดนี้จะคุ้มกันไฟฟ้าสถิติที่ปรากฏออกจากร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจเกิดการเหนี่ยวนำ ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดการระเบิดหรือลุกไหม้ขึ้นได้ รองเท้าแบบนี้จะมีค่าความต้านทานกระแสไฟได้ในอัตราต่างๆหลายระดับ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานต้องศึกษาว่าแถวที่ตนทำหน้าที่ ควรใช้รองเท้าหัวเหล็กที่มีความต้านทานกระแสไฟฟ้าระดับใด

ผมร่วงแก้ได้หมูๆ ในวิธีการที่ดีและเห็นผลลัพธ์

หลากหลายคนคงเจอปัญหาผมร่วงที่ผิดปกติมากขึ้น ทั้งๆ ที่เราอาจจะยังไม่ได้มีวัยที่มากจนทำให้เราจะต้องกังวนเกี่ยวกับปัญหาผมร่วง ทว่าการที่เกิดปัญหาผมร่วงที่ผิดปกตินั้นก็มาได้จากหลายสาเหตุด้วยกันครับ เป็นต้นว่าความเครียด บางครั้งบางคราวเราอาจนึกไม่ออกว่าเพราะอะไรอยู่ดี ๆ ผมก็หลุดเยอะผิดปกติ ลองสังเกตดูสิครับว่าระยะที่ผมร่วงคุณเครียดหรือมีความกังวลอย่างไรบ้างหรือเปล่า ซึ่งหากคุณมีความเคร่งเครียดมากจนผมร่วง คงจะเป็นวิถีทางที่รักษายากหน่อย แต่หากคุณวิตกกังวลจริง ๆ ให้ลองไปหาผู้รักษาดูก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ดีน่ะครับ หรือการมีครรภ์ที่ก็อาจจะเป็นเหตุให้ฮอร์โมนภายในร่างกายของผู้หญิงแปรปรวนได้ ก็คงจะทำให้คุณแม่ตึงเครียด อารมณ์ฉุนเฉียวผิดปรกติ นั่นแหละครับที่จะส่งผลให้ผมร่วงได้ยิ่งกว่าปกติเลยล่ะ แต่ถ้าหากดูแลผมอย่างดีก็จะช่วยลดปัญหาได้นี้ได้ครับ และยิ่งไปกว่านี้ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดผมร่วงได้ครับ ไม่ว่าจะเป็น แชมพูที่แรงเกินไป การทำผมทรงต่าง ๆ การทำสีผม สภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายต่ำ โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา กรรมพันธุ์ หรือใครที่ชอบดึงผมตัวเองบ่อย ๆ ก็เป็นอีกมูลเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมของคุณร่วงได้ครับ

อาการผมร่วงในวัยทอง วัยทองเป็นช่วงต่อระหว่างวัยผู้ใหญ่ตอนต้นและวัยสูงอายุประชากรชายและหญิงในห้วงอายุ 40 หรือ 45 ปีขึ้นไปร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการผลิตฮอร์โมนเพศลดลงเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของบุคคลในวัยนี้ จึงทำให้มีปมปัญหาสุขภาพที่แปลกแยกจากวัยอื่นการแปรเปลี่ยนดังกล่าวคงจะส่งผลกระทบต่อปัญหาผมร่วงผิดปกติเกิดขึ้นในบางท่านซึ่งสามารถมีขึ้นได้ทั้งชายและหญิงครับ อาจหล่นเป็นบางเวลาหรืออาจหล่นเรื้อรังในบางรายก็มีให้เห็นบ่อยๆ ครับ ซึ่งอาจเป็นผลจากวัยทองส่วนหนึ่ง

และในเพศชายมากกว่า 80% จะสามารถพบผมร่วง ผมบาง มาจากเรื่องพันธุกรรม  ซึ่งจำนวนมากจะเริ่มออกอาการตั้งแต่ช่วงอายุ 30-40 ปีขึ้น เกิดจากการที่หนังศีรษะมีความรวดเร็วต่อฮอร์โมนเพศชาย โดยเฉพาะ ฮอร์โมนdihydrotestosterone (DHT) มากกว่าปกติ เป็นสาเหตุของเส้นผมมีขนาดเล็กลง บางลง  หลุดร่วงง่ายขึ้น อาการดังกล่าวเมื่อดำเนินมาถึงช่วงวัยทอง ประกอบกับสภาวะโรคติดตัวหลายชนิด จะมีผลกระทบให้ผมอ่อนแอลง  และบางลงอีก  ในเวลาที่สตรี เมื่อเข้าสู่สภาวะวัยทอง  จะมีการลดลงอย่างมากของฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งเสริมความแข็งแกร่งของวงจรเส้นผมนั้นเองครับ