ปัญหาแบตรถยนต์เสื่อมเมื่อเก็บไฟไม่อยู่

แบตรถยนต์

หากทั้งหมดนี้ไม่ใช่สาเหตุจากไฟรั่ว จะต้องตรวจสอบอุปกรณ์ 2 สาเหตุ คือ

– ประเด็นปัญหาแบตรถยนต์เสื่อม เก็บไฟไม่อยู่

แบตรถยนต์ชนิดเติมน้ำกลั่นนั้น พอมีการเติมน้ำกรดชนิด 25% ลงในแบตเตอร์รี่ที่เปิดจากกล่องใหม่ๆ แล้วชาร์จไฟเข้า ไม่เกินกว่า 25% ของขนาดประจุไฟเข้า

แบตรถยนต์ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง เช่น แบตเตอร์รี่ขนาด 100 แอมป์ ควรชาร์จไฟไม่เกิน 25 แอมป์ (ควรต่ำกว่า 25 แอมป์) ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง

พอมีการเริ่มชาร์จไฟเข้าแบตรถยนต์ แบตเตอรี่ลูกนั้นก็จะเริ่มนับถอยหลังในการเสื่อมสภาพ โดยมีอายุการใช้งานนับถอยหลังไม่ต่ำกว่า 1 ปี (ตามระยะการรับประกัน) แต่อายุการใช้งานจริงควรไม่ต่ำกว่า 1.5 ปี ดังนั้น แบตรถยนต์ที่มีอายุ 1 ปีไปแล้ว โอกาสที่จะเสื่อมถอยก็มีมาก ยิ่งการดูแลรักษาไม่ดีพอ เช่น ปล่อยให้น้ำกลั่นลดลงต่ำกว่าขีดล่างสุดจนแผ่นธาตุถูกอากาศ หรือ ใช้ไดชาร์จที่เสื่อมสภาพบ่อยๆ ทำให้ประจุไฟเข้าแบตรถยนต์ไม่เต็มสักครั้ง เป็นต้น โอกาสเช่นนี้ยิ่งเป็นการฆ่าอายุแบตเตอรี่ให้ลดลงเรื่อยๆ

วิธีการตรวจสอบว่า แบตรถยนต์เสื่อมหรือไม่  ให้ทำดังนี้

– ให้ยกแบตรถยนต์ออกจากรถแล้วเปิดฝาที่เติมน้ำกลั่นทุกช่องไว้

– เติมน้ำกลั่นให้ถึงขีดระดับ Max

– ชาร์จไฟเข้า แบตรถยนต์ให้ต่ำกว่า 25 % ของขนาดประจุไฟของแบตรถยนต์นานจนกระทั่งเข็มเกจ์ตู้ชาร์จลดต่ำลงเหลือประมาณ 10 % ของระดับเข็มเกจ์ที่ชี้ขึ้นตอนชาร์จใหม่ๆ

– หรือจะใช้ ไฮดรอมิเตอร์วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรอในแต่ละช่องก็ได้ โดยเกจ์จะต้องลอยในน้ำกรดถึงระดับสีเขียว หรือ ประมาณ 1.260 หรือสูงกว่า จึงจะแสดงว่า ประจุไฟเต็มแบตรถยนต์แล้ว

– หยุดชาร์จไฟ แล้วปิดฝาช่องเติมน้ำกลั่นของแบตรถยนต์ทุกช่อง

– ทิ้งไว้ 2 – 3 วัน แล้วใช้ไฮดรอมิเตอร์วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดในแบตรถยนต์ทุกช่องจะต้องได้ตัวเลขเท่าเดิม จึงจะแสดงว่าแบตรถยนต์ลูกนั้นเก็บประจุไฟอยู่  ถ้าตัวเลขลดลงแสดงว่า แบตรถยนต์ลูกนั้นเริ่มเสื่อมถอย

สำหรับท่านไหนที่มีแบตรถยนต์อายุการใช้งานนานแล้ว สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้กับทางเรานะครับ http://batterymotormp.com/ ทางเราบริการจัดส่งแบตรถยนต์ทั่วกรุงเทพ