นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยกรมควบคุมโรคได้จัดทำแนวทางการดูแลสุขภาพประชาชนผู้สัมผัสน้ำมันรั่วไหล กรณีเกาะเสม็ด พร้อมเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1. กลุ่มรับสัมผัสสูง ได้แก่ กลุ่มที่ทำงานกู้คราบน้ำมันที่รับสัมผัสทั้งการหายใจและผิวหนัง มีชั่วโมงทำงานตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวันและต่อเนื่อง 2.กลุ่มรับสัมผัสปานกลาง ได้แก่ กลุ่มทำงานอยู่ในพื้นที่ประจำ ได้รับสัมผัสทางการหายใจอย่างเดียว เช่น ทีมพนักงานจาก ปตท. นักข่าว พนักงานรีสอร์ท หน่วยราชการ และ 3. กลุ่มที่รับสัมผัสน้อย ได้แก่ กลุ่มที่ไปตรวจสอบพื้นที่ ติดตามการดำเนินงาน และไม่อยู่ประจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะของทั้ง 3 กลุ่ม เพื่อตรวจหาสารอนุพันธ์ของเบนซีน หรือสารที-ที มิวโคนิก แอซิด ในปัสสาวะ หากพบผู้มีผลการตรวจสูงกว่าค่าเฝ้าระวังความปลอดภัยของ ACGIH (กำหนดไว้ที่ 500 g/g creatinine) ก็จะทำการตรวจซ้ำทุก 3 เดือน จนกว่าค่าจะเป็นปกติ นอกจากนี้ยังตรวจสุขภาพอื่น ๆ แก่กลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่องตามที่กำหนดไว้

ส่วนเรื่องอาหาร ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าอาหารทะเลมีความปลอดภัย รับประทานได้ตามปกติ เพราะจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อสัตว์ในทะเล แต่ควรล้างให้สะอาดก่อนนำมาประกอบอาหารและปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง อย่านำสัตว์ทะเลที่ตายบริเวณเกิดเหตุมาบริโภคเด็ดขาดเพราะอาจได้รับอันตราย ได้ และเพื่อความมั่นใจเรื่องอาหาร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยองจะเก็บตัวอย่างอาหารส่งกรมวิทยาศาสตร์การ แพทย์ตรวจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทร.0 2590 3333

แหล่งข่าวจาก posttoday…